วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555
สุนัขสายพันธุ์ทีดุที่สุดในโลก 7 อันดับ
อันดับที่ 7 อัลเซเชี่ยน (เยอรมัน เชฟเฟิด)
สุนัขพันธุ์ “อัลเซเชี่ยน” ถือเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าดุพอสมควร มีเขี้ยวเล็บแหลมคม แข็งแรงว่องไว เห่าเสียงดัง ขู่ก็น่ากลัว แต่ด้วยความฉลาด เรียนรู้เร็ว เชื่อฟังคำสั่งทำให้ อัลเซเซี่ยนดูจะดีกว่าสุนัขพันธุ์อื่นอยู่มาก รวมทั้งข่าวคราวในเรื่องเสียหายก็ไม่ ค่อยมี ดังนั้น ในวงการบันเทิงบทของ อัลเซเซี่ยน จึงเป็นสุนัขฉลาดแสนรู้ ซื่อสัตย์ ขนาดเป็นพระเอกก็ยังมี แถมยังมีฉากช่วยชีวิตคนอยู่บ่อยๆ (ในชีวิตจริงก็มีบ่อยๆ เหมือนกัน)
อันดับที่ 6 โดเบอร์แมน
สุนัขพันธุ์ “โดเบอร์แมน” เคยได้รับความนิยมช่วงหนึ่งในไทย ก่อนการมาถึงของ พิทบูลและร็อดไวเลอร์ นิยมเลี้ยงไว้เฝ้ายาม จึงมีนิสัยดุพอสมควร ในยุโรปเป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่ใช้ล่า เนื้อเพราะความปราดเปรียวของมัน ด้วยรูป ร่างสูงเพรียว ตัวโตเต็มที่เหมือนกวางตัวย่อมๆ ส่วนเรื่องความเร็วจัดได้ว่าเป็นนักวิ่งตัวหนึ่ง
อันดับที่ 5 บางแก้ว
สุนัขพันธุ์ “บางแก้ว” เป็นสุนัขพันธุ์ไทย บางแก้ว จัดเป็นหมาไทยที่ได้ชื่อว่าดุที่สุดพันธุ์หนึ่ง และไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวคนใช้ถูกบางแก้วกัดตายเหมือนกัน ทั้งนี้ก็ด้วยพิษสงของเขี้ยวเล็บที่แข็งแรง
อันดับที่ 4 ร็อตไวเลอร์
สุนัขพันธุ์ “ร็อตไวเลอร์” จองพื้นที่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บ้านเราอยู่เป็นระยะๆ ด้วยนิสัยดุ กัดแหลกของมันทำให้ล่าสุดถึงกับ มีการสร้างหนังชื่อ ร็อดไวเลอร์ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความร้ายกาจของสุนัขพันธุ์นี้
อันดับที่ 3 ฟิล่า บราซิลเลียโร่
สุนัขล่าเนื้อจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงตามบ้าน เป็นสุนัขพันธุ์ดุ โดยมีสายพันธุ์ดั้งเดิมเป็นสุนัข พื้นเมืองของบราซิล ที่เลี้ยงในไร่ขนาดใหญ่เพื่อขับไล่เสือหรือหมี ฟิล่าเป็นสุนัขตัวโตพละกำลังมาก แต่ว่าปราดเปรียวว่องไว ซึ่งเกิดจากการผสมระหว่าง English Mastiffs, Bulldog พันธ์ใหญ่, Bloodhound และสุนัขเลี้ยงสัตว์ของโปรตุเกส แล้วมีการนำเข้ามาในบราซิลสมัยยุคล่าอาณานิคม และตั้งชื่อสุนัขพันธ์ใหม่นี้ว่า Fila ดังนั้นฟิล่าจึงได้รับข้อดีของสุนัขทั้งสี่สายพันธ์ข้างต้นมาด้วย สุนัขฟิล่า บราซิลเลียโร่ ไม่ได้เป็นสุนัขทีเหมาะสำหรับทุกคน สัญชาตญาณการปกป้อง เจ้าของเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่มีอยู่ในฟิล่าโดยธรรมชาติ ฟิล่าจะดุมากกับคนแปลกหน้า แต่ตรงกันข้ามฟิล่าจะเป็นสุนัขที่อ่อนน้อมถ่อมตน ขี้อ้อน เชื่องและว่านอนสอนง่ายเอามากๆ กับเจ้าของ
อันดับที่ 2 ทิเบตัน มาสทิสส์
เป็นสุนัขสายพันธุ์โบราณ มีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นว่า Do-khyi ซึ่งแปลว่า สุนัขที่ต้องถูกผูกไว้ (tied dog) เนื่องจากอุปนิสัยที่หวงถิ่นฐาน และดุร้าย จึงต้องผูกไว้เพื่อความปลอดภัยของบุคคลภายนอก พวกมันเป็น 1 ในสายพันธุ์สุนัข ที่ ดุร้ายที่สุดในโลก สายพันธุ์หนึ่ง โดยชาวธิเบต กล่าวว่าพวกมัน ดุร้าย กล้าหาญ และแข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้กับหมี หรือ เสือ ที่บุกเขามากินฝูงสัตว์ที่มันดูแลได้ทีเดียว
อันดับที่ 1 อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย
สุนัขพันธุ์ “อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย” เป็นสุนัขพันธุ์ที่ดุที่สุดในโลก ถึงขนาดที่ประเทศอังกฤษแบบไม่ให้มีการเลี้ยงกัน เนื่องจากมีข่าวจนเป็นคดีความ ฟ้องร้องกันไปหลายครั้งหลายครา สุนัขพันธุ์นี้ก็เคยมีข่าวว่ากัดคนตายมาแล้วมากมาย (แต่รักเจ้าของยิ่งชีพ)
ที่มา - http://teen.mthai.com/variety/19316.html
แมวสฟิงซ์ แมวไร้ขน
สฟิงซ์ (Sphynx) เหมียวขนาดเล็ก เชื้อสายดั้งเดิมยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามีต้นกำเนิดจากแถบอียิปต์ หรือฮาวาย แต่ที่แน่ ๆ หลายคนมองว่า เพราะไม่มีขนมันจึงเป็น แมวที่น่าเกลียดที่สุดในโลก แต่ถ้าหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีอยู่บาง ๆ อย่างชัดเจนที่ปลายลำตัวทั้งสองข้าง
สำหรับรูปร่างลักษณะทั่วไป หัว มีทรงคล้ายลิ่ม หู เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายมนกลม ตา สีอำพัน ลำตัว ยาว ขา ยาวปานกลาง ผิวหนัง สีน้ำตาลขาว หรือดำขาว ขนเส้นเล็กสั้น พื้นท้องแถบขาวยาวตั้งแต่ปากตลอดทั้งลำตัว หาง ยาวปลายเรียว นิสัย ขี้ประจบ รักเจ้าของ หากเวลาที่มันต้องการสิ่งใด หรือเพื่อเรียกร้องความสนใจจะส่งเสียงร้องแผ่วเบา ขาดหายเป็นจังหวะ
ด้วยธรรมชาติของมันที่มีขนอันน้อยนิด สฟิงซ์ จึงไม่ชอบอากาศเย็นจัด นอกจากนี้ สฟิงซ์ ยังต้องการ "เปิบ" อาหารประเภทโปรตีนมากกว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ และนับว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้เป็นโรคแพ้ขนสัตว์จะรับไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา
ที่มา - http://pet.kapook.com/view5255.html
สุนัขสายพันธุ์ที่สวยที่สุดในโลก
Most Beautiful Dog สุนัข สายพันธุ์ที่ สวยที่สุดในโลก ได้มีการทำสำรวจโดยเว็บไซค์ mostbeautifulbreeds.com โดยทำการสำรวจระหว่าง พฤศจิกายน 2006 ถึง มกราคม 2007 โดยมีผู้ช่วยกันลงคะแนน Vote กว่า 2,200 คน โดยช่วยกันคัดเลือกจาก สุนัข 153 สายพันธุ์ โดยทำการคัดเลือกเป็น 3 ประเภท คือ สุนัขขนาดเล็ก , สุนัขขนาดกลาง , สุนัขขนาดใหญ่
สุนัขขนาดเล็ก สายพันธุ์ที่ สวยที่สุดในโลก
Yorkshire Terrier ยอร์คเชียร์ เทอเรีย ได้รับการคัดเลือกเป็น สุนัขขนาดเล็กที่ สวยที่สุดในโลก สุนัขยอร์คเชียร์ เทอเรีย ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1800 ในเมืองยอร์คเชียร์ ( Yorkshire ) ในประเทศอังกฤษ ( England ) โดยมีลักษณะสายพันธุ์ ที่โดดเด่น ดังนี้
- เป็นสุนัข ขนาดเล็ก น้ำหนักไม่เกิน 3.18 กิโลกรัม ( 7 ปอร์น )
- เส้นขนยาว มีลักษณะคล้ายเส้นไหม ละเอียด เป็นประกายสีดำ สีเทา สีน้ำตาลทอง
- มีนิสัยร่าเริง กล้าหาญเกินตัว
- ไม่เหมาะที่จะเลี้ยง ร่วมกับเด็กเล็ก เนื่องจากสุนัขมีขนาดเล็กมาก สุนัขอาดได้รับอันตรายจากการเล่นของเด็กๆ จนกระดูกหัก
สุนัขขนาดกลาง สายพันธุ์ที่ สวยที่สุดในโลก
Siberian Husky ไซเบียเรี่ยน ฮัสกี้ ได้รับการคัดเลือกเป็น สุนัขขนาดกลางที่ สวยที่สุดในโลก สุนัขไซบีเรี่ยน ฮัสกี้ ถูกพันฒนาสายพันธุ์ โดยชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า CHUKCHI เพื่อให้ทำหน้าที่ล่าสัตว์ และเฝ้ายาม แต่ต่อมา ถูกพัฒนาให้มีลักษณะของสุนัขลากเลื่อน ประมาณปี คศ.1900 มีการแข่งขัน สุนัขลากเลื่อน ใน ALASKA โดยมี ระยะทางถึง 400 ไมล์ สุนัขที่ชนะใน การแข่งขันคือ สุนัขพันธุ์ไซเบียเรี่ยน ฮัสกี้ และทาง AKC. รับรองสุนัขพันธุ์นี้ในปี คศ.1930 โดยมีลักษณะสายพันธุ์ ที่โดดเด่น ดังนี้
-มีอุปนิสัย ร่าเริง เป็นมิตร ขี้อ้อน จนไม่สามารถเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เนื่องจากจะไปอ้อน คุณโจร ถ้าคุณโจรบุกเข้าบ้าน
-น้ำหนัก 20- 27 กิโลกรัม
-ความสูง 53-60 เซ็นติเมตร
-ขน หนา คล้ายขนสัตว์ พอง มีขนสองชั้น
-สี สีอะไรก็ได้ทั้งสิ้น เช่น สีเทา สีดำ สีแดง
สุนัขขนาดใหญ่ สายพันธุ์ที่ สวยที่สุดในโลก
Golden Retriever โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ได้รับการคัดเลือกเป็น สุนัขขนาดใหญ่ที่ สวยที่สุดในโลก โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ที่ สก๊อตแลนด์ ( Scotland ) ที่เมือง Guisachan ในช่วงศตวรรษที่ 19 เพื่อเป็นสุนัขล่าสัตว์ ทางน้ำ โดยมีลักษณะสายพันธุ์ ที่โดดเด่น ดังนี้
-อุปนิสัยสุภาพ ขี้เล่น รักเจ้าของ
-ความสูง 58 – 60 เซ็นติเมตร ( ตัวผู้ ) และ 53 – 56 เซ็นติเมตร ( ตัวเมีย )
-น้ำหนักตัว 65 – 75 กิโลกรัม ( ตัวผู้ ) และ 55 – 56 กิโลกรัม ( ตัวเมีย )
-ลักษณะขน ดกแน่น ประกอบด้วยขน 2 ชั้น ขนชั้นนอกควรยาวและมีลักษณะค่อนข้างแข็งแต่ไม่ถึงกับหยาบกระด้าง ขนจะต้องขึ้นแนบกับลำตัว อาจจะเหยียดตรงหรือหยิกเล็กน้อยก็ได้ สำหรับขนบริเวณด้านหลังของขาและใต้ท้อง ควรมีลักษณะอ่อนนุ่มกว่าขนตามลำตัว สีออกเหลืองทอง
ที่มา - http://wowboom.blogspot.com/2009/05/most-beautiful-dog.html
ลักษณะของสุนัขมงคล
ตำราโบราณกล่าวถึงลักษณะหมาดีที่ให้คุณแก่เจ้าของไว้ 8 ประการ คือ
1. ขนเป็นมันดูละเลื่อมทั้งตัว เลี้ยงไว้คนเกรงกลัว จะได้เป็นเศรษฐี
2. ตัวขาว สี่เท้าดำ จะมีเงินทองมาก
3. หางดอก เล็บขาวทุกอัน เลี้ยงไว้จักได้ดี
4. สีเหลือง สี่เท้าขาวดังสำลี จักมั่งมีเงินทอง
5. ปากขาวขนงาม เงินทองมากอนันต์
6. ขนขาวแดงปนกัน เลี้ยงไว้จักให้คุณ
7. มีเล็บทั้งหมดยี่สิบเล็บ เท่ากับบอกขุมทองในแผ่นดิน
8. สิบเก้าเล็บ งามทั้งตัวไม่มีมลทิน จะคาบเอาทรัพย์มาให้
- http://pet.kapook.com/view158.html
หางแมวบอกอารมณ์ (ตอนที่ 2)
- ถ้าหางสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง : แสดงว่ากำลังโกรธ
- ถ้าหางเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน : แสดงว่า กำลังดุร้ายก้าวร้าว
- ถ้าหางโค้งและขนตั้งชัน : แสดงว่าอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีก
- ถ้าหางทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก : แสดงว่ากำลังกลัว
- ถ้าหางยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ : แสดงว่าอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ
- ถ้าหางลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง : อาจจะแสดงว่ากำลังยอมแพ้
- ถ้าหางทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกส่วนตะโพกสูงขึ้น : แสดงว่าตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์
ที่มา - http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=7668.0
หางแมวบอกอารมณ์ (ตอนที่ 1)
- ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น : แสดงว่ากำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย
- ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่ม นวล : แสดงว่ากำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
- ถ้าหางตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง : แสดงว่ากำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่ส นใจ
- ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง : แสดงว่ากำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน
- ถ้าหางตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิก หรือสั้นอย่างนุ่มนวล : แสดงว่ากำลังแสดงความชอบ ความรัก (showing affection)
- ถ้าหางอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว : แสดงว่า รู้สึกว่าถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์
- ถ้าหางนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก : แสดงว่ากำลังรู้สึกโกรธมาก
ที่มา - http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=7668.0
วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555
แมวให้โทษ
1. แมวเหน็บเสนียด
แมวเหน็บเสนียดมีลักษณะเหมือนค่าง ชอบเอาหางขดซ่อนไว้ใต้ก้นเสมอ มีรูปร่างพิกลพิการ อย่าเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้เสียชื่อเสียงเกียรติยศ
2. แมวกอบเพลิง
แมวกอบเพลิงนี้ เป็นแมวที่ลึกลับชอบซ่อนตัวหลบหนีผู้คน พอมันเห็นคนมักจะเดินหรือรีบวิ่งหนี ใครเลี้ยงไว้จะมีโทษถึงตัว
3. แมวหิณโทษ
แมวหิณโทษ เป็นแมวนำมาซึ่งสิ่งเลวร้าย นำภัยพิบัติมาสู่บ้าน ใครเลี้ยงไว้จะไม่เป็นมงคล ออกลูกมามักจะมีลูกตายตั้งแต่อยู่ในท้อง
4. แมวปีศาจ
แมวปีศาจ แค่ชื่อก็บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นแมวร้ายอีกชนิดหนึ่ง เป็นแมวที่กินลูกของตนเอง ออกลูกมากี่ตัวก็กินลูกหมด ลักษณะขนสาก ตัวผอม หนังยาน โบราณจัดเป็นแมวร้าย อย่าได้นำมาเลี้ยงไว้
5. แมวพรรณพยัฆ (ลายเสือ)
แมวพรรณพยัฆเพศ หรือแมวลายเสือ เป็นแมวร้ายที่มีขนลายเหมือนเสือ ลักษณะขนเหมือนชุบด้วยเกลือกับแกลบ มีนัยน์ตาสีแดงเจือสีเปือกตม มีเสียงร้องเหมือนเสียงผีโป่ง ชอบอยู่ตามป่าเขา ถือเป้นแมวให้โทษอีกชนิดหนึ่ง
6. แมวทุพลเพศ
แมวทุพลเพศ เป็นแมวร้ายชนิดหนึ่ง ลำตัวสีขาว มีดวงตาสีแดงดังโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยไม่ดีชอบลักขโมยปลาไปกินทุกค่ำคืน ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุข เกิดความเดือดร้อนแรงผลาญ
ที่มา - http://www.thaigoodview.com/node/8712?page=0%2C2
แมวมงคลของไทย (ตอนที่ 3)
11. กรอบแว่น หรือ อานม้า
มีปานลักษณะอานม้าบนหลัง เชื่อว่าแมวชนิดนี้มีราคาสูงถึงแสนตำลึงทองคำ และให้เกียรติยศแก่เจ้าของ
12. ปัดเสวตร
ตัวมีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ
13. กระจอก
ไม่กระจอกเหมือนชื่อ ลำตัวกลมมีสีดำ รอบปากมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วเชื่อกันว่าจะได้ที่ดินเงินทอง ไพร่ก็จะได้เป็นเจ้านายคน
14. สิงหเสพย์ หรือ โสงหเสพย(โสง-หะ-เสพ-ยะ)
ลำตัวมีสีดำ ที่ปาก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วมีสิริมงคล
15. การเวก
ลำตัวสีดำ จมูกสีขาว ตาเป็นประกายสีทอง เชื่อกันว่าภายใน 7 เดือนที่ได้มาเลี้ยงจะได้ยศศักดิ์และลาภจำนวนมาก
16. จตุบท
ตัวสีดำ เท้าทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเหลืองเหมือนดอกโสน เชื่อว่าให้คุณกับคนเลี้ยง
17. แซมเสวตร
มีขนสีดำแซมขาว มีขนบางและสั้งรูปร่างเพรียว มีนัยน์ตาดั่งหิ่งห้อย เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย
ที่มา - http://atcloud.com/stories/43566
แมวมงคลของไทย (ตอนที่ 2)
6.วิลาศ
มีลำตัวสีดำจากคอไปตลอดท้อง จากสองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองมากมาย
7.เก้าแต้ม
มีสีขาวเป็นพื้น มีแต้มสีดำเก้าจุดที่คอ หัว ต้นขาหน้าและหลังทั้งสองข้างและที่ท้ายลำตัว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะรุ่งเรืองทางการค้าขาย
8.รัตนกำพล
ตัวขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดำ ตาสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมียศ ผู้อื่นยำเกรง
แมวมงคลของไทย (ตอนที่ 1)
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงผู้ภักดี ที่ใครๆต่างก็กล่าวขวัญถึง ในอดีตแมวไทยเคยเป็นสัตว์เลี้ยงที่หาได้ยาก แต่ปัจจุบัน นักพันธุศาสตร์ ได้พยายามคิดค้น และหาวิธีการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ ทั้งนี้เพื่อให้ได้มา ซึ่งแมวไทยพันธุ์ดี ด้วยเหตุที่สมัยก่อน แมวไทยเป็นสัตว์เลี้ยงที่หายาก จึงทำให้ผู้เลี้ยงหวงแหน เป็นพิเศษ ถึงขนาดมีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้ว ซึ่งในบันทึกพงศาวดารของไทยเรา เมื่อประมาณ กว่าร้อยปี ได้ระบุว่า Owen Gould ชาวอังกฤษ ต้องโทษถึงประหารชีวิตด้วยข้อหา ที่พยายาม นำแมวไทยคู่หนึ่ง ออกนอกราชอาณาจักรไทย (ก่อนหน้านี้ ก็มีชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่ง ได้ก่อคดีแบบนี้ มาแล้ว)
แมวไทยทีจะกล่าวถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานต่างประเทศ เพราะในต่างประเทศนั้นมาตรฐานต่างกันกับในบ้านเราในบางอย่าง แมวไทยตามตำราโบราณแบ่งไว้ เป็นลักษณะแมวดี เลี้ยงไว้แล้วจะให้คุณแก่เจ้าของมี 17 ชนิด และแมวที่ไม่ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้อีก 6 ชนิด ลักษณะแมวไทยที่นิยม และมักดูสวยในการประกวดคือ ขนต้องเงาเป็นมัน เรียบและแนบลำตัวแสดงถึงสุขภาพที่ดี รูปร่างเพรียว สง่างาม ไม่อ้วน หรือผอมจนเกินไป หางตรง ยาว ไม่คดงอหรือบิดเบี้ยว สีจะต้องเป็นสีที่ตรงตามมาตรฐาน ถ้ามีด่างขาวไม่ว่าที่ใดๆก็ถือว่ายังใช้ไม่ได้ ปัจจุบันหลงเหลือแมวสายพันธุ์ไทยแท้ๆอยู่ไม่มาก
แมวไทย เป็นแมวพันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจากแมวไทยโบราณขาสั้น สีสวย ศีรษะไม่กลมหรือแหลมเกินไป หน้าผากกว้าง จมูกสั้น หูตั้งสั้น ลำตัวเพรียวบาง รูปร่างขนาดปานกลาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว ขนแน่นอ่อนนุ่ม หางยาวปลายเรียว ซื่อสัตย์ อิสระ
แมวมงคล 17 ชนิดของไทย
1.วิเชียรมาศ
มีขนสีขาวแต่ที่ปาก หาง เท้าทั้งสี่และหูทั้งสองข้างรวมแปดแห่งมีสีดำ(สีเข้ม)มีนัยน์ตาประกายสดใส เลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งลำนักหนา จักนำโภคาพิพัฒน์สมบัติเพิ่มพูล
2. ศุภลักษณ์
มีขนเป็นสีทองแดงตลอดตัว มีนัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี่ยงจักได้ยศถา ยิ่งพ้นพรรณนาเป็นอำมาตย์มนตรี
3. มาเลศ
มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งนำค้างย้ยต้องกลีบบัว ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำมาซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล
4. โกนจา หรือ ร่องมด
มีสีดำละเอียด นัยน์ตาสีดอกบัวแรกแย้ม หางเรียวยาว ม่าทางเดินสง่าเหมือนสิงห์โต แมวนี้เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย
5. นิลรัตน์
สีดำทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ดวงตา เลี้ยงไว้แล้วเชื่อว่าจะมีความเจริญ มีทรัพย์ ปราศจากอันตราย
ที่มา - http://atcloud.com/stories/43566
- http://board.postjung.com/536690.html
วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
4.แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อพิจารณาเครือข่ายการสื่อสารทั่วไปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ใช้อุปกรณ์การสื่อสารแบบพกพามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากวิทยุเรียกตัว (pager) ซึ่งเป็นเครื่องรับข้อความ มาเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์สื่อสารชนิดนี้ได้ถูกพัฒนาจนสามารถใช้งานด้านอื่นๆได้ นอกจากการพูดคุยธรรมดา โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่สามารถใช้ถ่ายรูป ฟังเพลง ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ บันทึกงานสั้นๆ โทรศัพท์บางรุ่นมีลักษณะเป็นเครื่องช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant : PDA) ซึ่งสามารถเชื่อต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสัมผัส ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น บางรุ่นมีอุปกรณ์สไตลัส (stylus) คือใช้ปากกาป้อนข้อมูลทางหน้าจอ เช่น เพจเจอร์ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น
ในอนาคตอันใกล้ มนุษย์จะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยใช้กันมากขึ้น นอกเหนือจากการพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านอินเทอร์เน็ต มนุษย์สามารถพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถติดต่อกันได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง สามารถส่งข้อความ ภาพ และเสียง ได้โดยง่ายดาย สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังค้นหาข้อมูลด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วยเว็บรุ่นที่สาม ( Web 3.0 ) แทนที่จะเป็นการใช้คำหลักเหมือนดังที่ใช้ในปัจจุบัน
-ด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในอดีตมักเป็นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อตรงเพียงชุดเดียว (stand alone )
ต่อมามีการเชื่อต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันภายในองค์กร เพื่อทำให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน หรือใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน จนเกิดเป็นระบบรับและให้บริการ หรือเรียกว่าระบบรับ-ให้บริการ ( client-server system ) โดยมีเครื่องให้บริการ และเครื่องรับบริการ
เมื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างแพร่หลาย การพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยตรง โดยที่เครื่องให้บริการมีหน้าที่เพียงแค่เก็บตำแหน่งของเครื่องผู้ใช้งานที่มีข้อมูลนั้นๆอยู่ เพื่อให้เครื่องอื่นสามารถทราบที่อยู่ที่มีข้อมูลดังกล่าว และเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ เรียกระบบแบบนี้ว่าเครือข่ายระดับเดียวกัน ( Peer-to-Peer network: P2P network )
ปัจจุบันมีการใช้แลนไร้สาย ( wireless LAN ) ในสถาบันการศึกษา และองค์กรหลายแห่ง การให้บริการแลนไร้สาย หรือ ( Wi-Fi ) ตามห้างสรรพสินค้า ร้านขายเครื่องดื่ม หรือห้องรับรองของโรงแรมใหญ่ ภายใต้ความร่วมมือของผู้ให้บริการ ทำให้นักธุรกิจสามารถดำเนินธุรกรรมผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้ หรือบางรายอาจซื้อบริการอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านทางโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีติดตามตำแหน่งรถด้วยจีพีเอส (Global Positioning System: GPS ) กับรถแท็กซี่เพื่อความปลอดภัยทั้งผู้โดยสารและผู้ขับรถ
- ด้านเทคโนโลยี ระบบทำงานอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจได้เองจะเข้ามาแทนที่มากขึ้น เช่น ระบบแนะนำเส้นทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหาตำแหน่งของวัตถุ ระบบควบคุมความปลอดภัยภายในอาคาร ระบบทำงานอัตโนมัติเช่นนี้ อาจกลายเป็นระบบหลักในการดำเนินการของหน่วยงานต่างๆ โดยเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอย่างกว้างขวางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)